วิถีชีวิตมนุษย์ฟรีแลนซ์ในวันที่ค่าครองชีพสูง

วันที่เขียนบล็อกนี้คือวันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นอีกวันหนึ่งที่คนไทยจะต้องรับชะตากรรม กับการต้องยอมรับการขึ้นค่าครองชีพในหลายๆอย่าง ทั้งการขึ้นราคาค่าทางด่วน ขึ้นค่าไฟฟ้า(เอฟที) ขึ้นค่าแก๊สหุงต้ม(LPG) แล้วก็มีเสียงบ่นมากมายบนโลกออนไลน์ ไปเว็บไหนๆก็จะเจอกระทู้บ่นเรื่องของแพงมากขึ้น ราคาอาหารแพงขึ้นอย่างมาก ค่าน้ำมันแพง ค่าครองชีพทุกๆอย่างรอบตัวดูจะแพงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

 

จริงๆผมอยากเขียนบล็อกเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในมุมมองของ มนุษย์ฟรีแลนซ์ไว้ตั้งนานแล้ว เพราะปัจจุบันตัวเองได้ทำงานฟรีแลนซ์มาเป็นปีที่ 5 แล้วหลังหยุดจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเมื่อตอนสิ้นปี 2551 (บล็อกนี้ขอใช้คำว่ามนุษย์ฟรีแลนซ์ซึ้งจะได้ดูตรงข้ามกับมนุษย์เงินเดือนละกันนะครับ)

ทำงานมาหลายปีเลยนั่งนึกๆได้หลายข้อ ขอลิสต์ข้อดีของการเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ให้ดูละกันว่ามันต่างจากมนุษย์เงินเดือนอะไรบ้าง

  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องรีบตื่นเช้าตั้งแต่ไก่โห เพื่อไปทำงานเพราะเราจะตื่นก็โมงก็เรื่องของเรา ขอให้มีความรับผิดชอบต่องานที่รับไว้ ทำได้เสร็จครบถ้วนตามที่ตกลงกันก็พอ (อันนี้นิสัยส่วนตัวด้วย เกลียดการตื่นเช้ามาก และสามารถนอนดึกๆได้อย่างสบายๆ)
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องเผชิญปัญหารถติด ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น เพราะเรานั่งทำงานอยู่ที่บ้าน ถ้าจะมีนัดคุยงานกับลูกค้าก็มักจะนัดเวลาช่วงสายๆหรือบ่ายๆ รถไม่ติด ขับรถได้สบายใจมาก (ผมมักขอบคุณตัวเองทุกครั้งที่เลือกอาชีพนี้ ยิ่งช่วงหน้าฝนด้วย ฝนแม่งก็มักจะตกตอนเลิกงานพอดี รถก็ติด ฝนก็ตก น้ำท่วมอีก อ่านทามไลน์เพื่อนในเฟสบุ๊คที่บ่นๆเรื่องรถติดทีไร ก็จะรู้สึกขอบคุณตัวเองทุกที)
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่เปลืองค่าเดินทาง ก็เพราะทำงานที่บ้านนี้แหละ จากเคยต้องจ่ายค่าน้ำมัน-ค่าทางด่วนทุกๆวัน มนุษย์ฟรีแลนซ์ก็ลดค่าเดินทางไปได้เยอะมาก หายไปหลายพันบาทเลยแหละ เพราะเดือนๆนึงเราไปหาลูกค้าเพื่อเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่ก็คุยกันผ่านออนไลน์ ส่งงานกันผ่านออนไลน์อยู่แล้ว
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องเสียภาษีสังคม อันนี้ตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนจำได้แม่น เดือนๆนึงหมดไปกับเงินทำบุญ-ค่าซองงานแต่ง-ซองผ้าป่า-ซองกฐิน-เพื่อนในออฟฟิศขึ้นบ้านใหม่-ฉลองวันเกิดเพื่อน-เลี้ยงเพื่อนย้ายที่ทำงาน-บลาบลาบลา พอมาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ เราเป็นตัวกูของกู เพื่อนพ้องก็มีเท่าเดิมแหละ แต่เหลือแค่ซองงานแต่ง ซองนู้นนี้อีกไม่มากแล้ว
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องเสียเงินให้กับของสิ่งล่อใจต่างๆระหว่างเดินทางประจำวัน  อันนี้ยอมรับตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนเวลาเราเลิกงาน มักจะไปเดินหาของกินตามห้าง และก็จะเจอร้านค้า-สิ่งของน่าซื้อมากมาย ยิ่งเห็นคำว่า SALE สีแดงๆด้วย บางทีอารมณ์ก็พาไป ควักเงินมาซื้อของที่ไม่ต้องการเท่าไร แล้วกลับมานั่งเศร้าที่บ้านว่า ตูซื้อมาทำไมวะ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องอวดของให้ใครเห็น ออฟฟิศใครเป็นบ้างประมาณว่า ถ้าตอนนี้อะไรกำลังฮิตอยู่ คนนั้น-คนนี้ในออฟฟิศจะซื้อมาแล้วก็อวดๆกันว่าฉันมีแล้ว ถ้าใครไม่มีจะเอ๊าท์จะเชย ก็ต้องไปหาของนั้นเอาไว้ด้วย จะได้ดูไม่เชยในสายตาคนในออฟฟิศ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ต้องเสียค่าประกันสังคม (อันนี้เป็นความไม่ชอบส่วนตัวด้วย) เคยไปอ่านเงื่อนไขแบบละเอียดๆของประกันสังคมมาแล้ว รู้สึกว่ามนุษย์เงินเดือนโดนเอาเปรียบมากๆ หักจากเงินเดือนไปก็หลาย % แต่กว่าจะได้คืน ต้องรอเกษียณ แถมยังมีเงื่อนไขซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายอย่าง ป่วยเข้าโรงบาลก็ได้ยางั้นๆแหละ ปีนึงเบิกค่าทำฟันได้ 2 ครั้ง เป็นโรคบางโรคก็ไม่เข้าเงื่อนไขอีก มาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์แล้วหาซื้อประกันชีวิตดีๆพ่วงอนุสัญญาสุขภาพ ดีกว่ากันเยอะ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์เก็บเงินได้ดีกว่าตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน จากข้อบนๆก็พอจะบอกได้แล้วว่าการทำงานอยู่ที่บ้าน ประหยัดเงินกว่าเยอะ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์จะไปเที่ยว จะไปดูหนังวันไหน เวลาใดก็ได้ เมื่อก่อนทำงานประจำ ต้องมาดูหนังมาเที่ยวกันวันเสาร์-อาทิตย์ คนก็เยอะ แออัด พนักงานก็บริการไม่ดีอีก พอมาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ อยากจะดูหนังโรงวันไหนก็เลือกได้เลย ส่วนตัวผมชอบไปดูวันจันทร์หรืออังคาร ช่วงบ่ายๆมากที่สุด  คนโล่งมาก ไม่มีเสียงคุยกัน เสียงโทรศัพท์ ไม่มีใครมาเปิดหน้าจอมือถือให้รบกวนสายตา (เลิกดูวันพุธไปอีกวันเพราะเด็กนักเรียนแม่งเยอะมาก)
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์อยากกินร้านอาหารอร่อยๆ ที่ปกติคิวจะเยอะๆเวลาหลังเลิกงาน หรือวันเสาร์-อาทิตย์ เราก็เลือกได้ ก็ไปกินในวันธรรมดาเวลาบ่ายๆ เย็นๆก่อนคนจะเลิกงานนี้แหละ สบายใจ ไม่ต้องมาต่อคิววุ่นวาย (ยกตัวอย่างร้าน After You ได้เพราะคนแม่งเยอะทุกสาขาเลย)
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน เช้ารีบไปทำงาน เย็นต้องเคลียร์งานต่อ กว่าจะกลับก็มืด บางทีเสาร์-อาทิตย์ก็มีงานต้องไปเคลียร์ต่ออีก เวลาที่ได้อยู่กับคุณพ่อ-แม่ เหลือน้อยมาก พอมาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์บอกตรงๆมีความสุขมาก เพราะเราสามารถดูแลคุณพ่อ-คุณแม่เราได้ตลอดเวลา ยิ่งถ้าท่านยิ่งชราลงมากๆ การทำงานฟรีแลนซ์จะยิ่งดูมีค่ามาก เพราะเราสามารถทำงานไปพร้อมกับดูแลท่านได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องปล่อยให้ท่านอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์เลือกเวลาทำงานได้ อันนี้เคยกดดันมากๆตอนอยู่บางบริษัท ไปถึงที่ทำงานก็ต้องอยู่กับหน้าจอคอมตัวเอง จะเดินออกไปทำอะไรนู้นนี้นานๆไม่ได้ จะดูว่าเหมือนกำลังอู๋งานอยู่ ทุกคนต้องอยู่กับหน้าจอคอมตัวเอง เคยต้องนั่งจ้องคอมจนตาแห้งมาแล้ว ทรมานมาก จะออกไปพักที่อื่นนานๆก็ไม่ได้ (ถ้ามีออฟฟิศเหมือนพนักงานกูเกิลก็คงอาจจะแฮปปี้กว่า) พอมาเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์ ทำงานคอมไปซัก 1-2 ชั่วโมงเบื่อก็เดินไปเล่นกับหมา รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน ล้างจาน หรือจะไปนอนซักชั่วโมงก็ยังได้ เพราะไม่มีใครมาคอยจ้องว่าเราอยุ่แล้ว ขอให้มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำให้เสร็จสมบูรณ์ในเวลาที่กำหนดเป็นพอ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์เลือกวันหยุดได้ตามใจฉัน อ้างอิงกับข้อข้างบนๆ เป็นคนที่เบื่อความแออัดในวันเสาร์-อาทิตย์ ฉะนั้นวันเที่ยวหรือวันหยุด มักจะเป็นวันธรรมดา ก็อยากจะหยุดวันนี้ มีไรป่ะ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ทำให้ทำอาหารเป็นหลายอย่าง ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดี เพราะเนื่องจากความขี้เกียจออกไปหาอะไรกินนอกบ้านบ่อยๆ เลยทำให้อยากลองลงมือทำอาหารกินเอง เป็นเหตุให้เปิดเว็บดูสูตรอาหาร และประยุกต์เอาผักสวนครัวที่บ้านปลูกเอง ซึ้งมีทั้งกะเพรา ผักบุ้ง ตำลึง ต้นโน่น-นี้-นั้น มาลองทำเป็นอาหารเมนูง่ายๆ พบว่าประหยัดตังค์ค่าอาหารไปได้เยอะเลยละ

แล้วทีนี้ถามว่าเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์มีข้อเสียหรือข้อด้อยกว่ามนุษย์เงินเดือนไหม ก็ต้องตอบว่ามี ดังเช่น

  • มนุษย์ฟรีแลนซ์มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ มีขึ้น-มีลงอยู่ตลอดทุกเดือน แต่ถ้าทำนานๆแล้วจะรู้เองว่า อย่างน้อยต่อเดือนเราจะได้รายได้เท่าไรเป็นขั้นต่ำ ถือว่าอาชีพนี้มีช่วง HighSeason – LowSeason เช่นกัน แต่ของผมมันผ่านจุดที่เคยวิกฤติไปแล้ว ตอนนี้ก็ชิลล์ๆ ทำงานรับงานได้สบายใจ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่มีเงินโบนัสประจำปี อันนี้เป็นสิ่งนึงที่ผมแอบอิจฉาเพื่อนๆที่ทำงานประจำอยู่แล้วพอปลายปี คนนั้นบอกได้โบนัส 5-6 เดือน จะรู้สึกอิจฉาเล็กๆ เพราะฟรีแลนซ์หาเงินทุกบาททุกสตางค์ด้วยน้ำมือตัวเอง ไม่มีเงินเซอร์ไพร์อะไรตอนปลายปีเหมือนคนทำงานประจำ
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่มีใครพาไปดูงานต่างประเทศ อันนี้เป็นอีกสิ่งที่ต้องอิจฉาจริงๆ เวลาเห็นเพื่อนในเฟสบุ๊คโพสรูปว่า ไปดูงานอยู่ที่ญี่ปุ่น-เกาหลี-เยอรมัน-อังกฤษ-บลาบลาบลา เพราะเรารู้ว่าถือแม้จะไปดูงานหรือไปคุยงานเกี่ยวกับงานบริษัท แต่มันก็ต้องได้ไปเที่ยวด้วยแหละ ซึ้งเป็นการไปเที่ยวฟรี มีคนออกค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่าอาหารให้ เป็นการไปเที่ยวต่างประเทศในระหว่างทำงาน
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์ต้องวางแผนทำงาน หาเงินให้ตัวเองตลอดเวลา เพราะไม่มีใครมาสั่งงานเรา เราต้องวางแผนทำงานเอง ความรับผิดชอบต่อตนเองสำคัญมากๆ เคยมีเหมือนกันบางเดือนจะมีอารมณ์เบื่อๆไม่อยากทำงาน ผลเสียก็คือพอไม่ค่อยทำงาน เงินก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์อาจจะมีเหงาบ้าง เป็นบางครั้ง แรกๆของการเป็นมนุษย์ฟรีแลนซ์รู้สึกเหงา เพราะอยู่ที่บ้านกับแม่ กับหมา ไม่ค่อยมีคนให้คุยเท่าไร แต่ตอนนี้ปัญหานั้นหมดไปแล้ว เพราะถ้าเหงาแค่เข้าเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ก็เจอเพื่อนมากมาย ไปเม้นต์ ไปเมนชั่นหาใครก็ได้ตลอด
  • มนุษย์ฟรีแลนซ์เหมือนเป็นมือปืนรับจ้าง บางทีรับงานยากๆมา ก็ต้องอดทนทำให้สำเร็จ บางครั้งเป็นงานที่มีความซับซ้อน งานเร่ง งานด่วน ทำงานจนดึกๆติดต่อหลายๆวันก็มีบ้างเช่นกัน ถือว่ารับงานมาแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ เหมือนมือปืนรับจ้างรับงานมาแล้วต้องยิงให้ตาย ถึงจะถือว่างานสำเร็จ

Random Posts

Posted in เรื่องอยากเล่า Tagged with: , , , ,

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>

About this blog

นายนิว Blogger Food&Bev, Digital MKT, Social Media MKTทำงานด้านการตลาดออนไลน์

บทความล่าสุด

บทความยอดนิยม

ลิงค์ผู้ให้การสนับสนุน

Easy AdSense by Unreal